FED ปีศาจการเงิน ตอนที่ 5/5

1 year ago
36

การจัดตั้ง FED ส่งผลให้กว่าหนึ่งศตวรรษที่ผ่านมานั้น ปริมาณเงินถูกควบคุมให้เป็นไป ตามความต้องการของกลุ่มนายธนาคารเจ้าเล่ห์ หนึ่งศตวรรษแห่งความเฟื่องฟูจากฟองสบู่ และความหดหู่จากวิกฤตเศรษฐกิจ นำไปสู่การส่งผ่านความมั่งคั่งไปยังผู้ที่อยู่บนสุดของระบบ ในขณะที่มวลชนด้านล่างจมปลักอยู่ในความยากจน ครัวเรือนที่เคยอยู่ได้ด้วย รายได้จากผู้หาเลี้ยงครอบครัวเพียงคนเดียว กลายเป็นทุกคนต้องช่วยกันหาเลี้ยงครอบครัว คุณภาพชีวิตของผู้คนถูกกัดเซาะจากการด้อยค่าลงเรื่อยๆของเงินที่ออกโดย FED

ผู้ร้ายที่ก่อการฉ้อโกงนี้ยังคงอยู่ในเงามืด ผู้คนทั่วไปส่วนใหญ่สามารถจดจำดารานักร้องฮอลลีวูดหรือป๊อปไอดอลคนล่าสุดได้ แต่ไม่รู้ว่าหัวหน้าของโกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) หรือ FED สาขานิวยอร์กทำอะไร หรือเป็นใคร แรงจูงใจของคนร้ายแก๊งนี้ไม่ใช่เพียงแค่ความโลภ แต่เป็นความกระหายอำนาจการควบคุมปริมาณเงินเพื่อควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง

จี เอ็ดเวิร์ด กริฟฟิน กล่าวว่า "หลังจากที่คนกลุ่มหนึ่งมีเงินมากมายจนสามารถซื้อทุกสิ่งที่ต้องการได้ มีอะไรเหลือให้พวกเขาจ้องฉกฉวย คำตอบก็คืออำนาจ การมีอำนาจเหนือผู้คน พวกเขามีอำนาจเงินเหนือผู้คน แต่ยังมีอำนาจอย่างอื่น นั่นคืออำนาจการเมือง อำนาจทางสังคม และผมคิดว่าตอนนี้มันคือแรงผลักดันของคนเหล่านี้ พวกเขามีเงินแล้ว มีมากเหลิอล้น ตอนนี้พวกเขากำลังพยายามจัดระเบียบโลกใหม่ พวกเขาต้องการให้ทั้งโลกเป็นหน่วยทางการเมืองเดียวที่พวกเขาครอบงำไม่เพียงแต่ด้วยเงินเท่านั้น แต่ด้วยวิธีการทางทหาร ทางจิตวิทยา ทางการศึกษาและการโฆษณาชวนเชื่อทางสื่อ พวกเขาต้องการควบคุมมนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้อย่างเบ็ดเสร็จ และพวกเขาเคลื่อนไปในทิศทางนั้นได้ค่อนข้างเร็วแล้ว"

ในปี 1921 เพียงเจ็ดปีหลังจากที่ FED เริ่มดำเนินการ กลุ่มคนที่มีความเชื่อมโยงกับเจพีมอร์แกนผู้ก่อตั้ง FED ได้จัดตั้งองค์กรที่เรียกว่าสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (Council on Foreign Relations - CFR) โดยมีเป้าหมายเพื่อครอบครองเครื่องมือด้านนโยบายต่างประเทศของสหรัฐอเมริการวมถึงกระทรวงการต่างประเทศ ภารกิจนี้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง แม้ปัจจุบันจะมีสมาชิกเพียงประมาณ 4,000 คน แต่สมาชิกขององค์กรนั้นประกอบด้วยเลขาธิการกลาโหม 21 คน รัฐมนตรีคลัง 18 คน เลขาธิการรัฐ 18 คน ผู้อำนวยการซีไอเอ 16 คน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล เจ้าหน้าที่ทหาร ชนชั้นสูงทางธุรกิจ และอีกมากมาย และแน่นอนนายธนาคาร ผู้อำนวยการคนแรกของ CFR คือ จอห์น เดวิส ทนายความส่วนตัวของเจพี มอร์แกน

CFR ทำงานร่วมกันกับร่วมกับองค์กรเครือข่ายในอังกฤษและที่อื่นๆ ทั่วโลก เพื่อไปสู่สิ่งที่พวกเขาเรียกว่า "ระเบียบโลกใหม่" เพื่อการควบคุมทางการเงินและการเมืองที่กำกับทิศทางโดยนายธนาคารเอง ดังที่แครอล ควิกลีย์ นักประวัติศาสตร์จากมหาวิทยาลัย จอร์จทาวน์และที่ปรึกษาของบิล คลินตัน เขียนไว้ในหนังของเขาในปี 1966 เรื่อง Tragedy and Hope: A History of The World In Our Time ว่า:

“อำนาจของระบบทุนนิยมทางการเงินมีเป้าหมายที่กว้างไกล อย่างน้อยคือเพื่อสร้างระบบควบคุมทางการเงินของโลกให้อยู่ในมือของเอกชนที่สามารถครอบงำระบบการเมืองของแต่ละประเทศและเศรษฐกิจของโลก ระบบนี้จะถูกควบคุมในรูปแบบศักดินานิยมโดยธนาคารกลางของโลกที่ทำหน้าที่ประสานกัน โดยข้อตกลงจากการประชุมลับบ่อยครั้ง จุดบนสุดของระบบคือธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (Bank for International Settlements - BIS) ที่เมืองบาเซิล สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นธนาคารที่มีเอกชนเป็นเจ้าของและควบคุมอยู่"

นี่คือสาเหตุที่นายธนาคารและหุ้นส่วนของพวกเขาในรัฐบาลและธุรกิจสมรู้ร่วมคิดกันเพื่อทำให้เกิดวิกฤตในปี 2008 ไม่ใช่เพื่อแสวงหาเงิน แต่เพื่ออำนาจ ในทำนองเดียวกับที่นายธนาคารใช้ความตื่นตระหนกในปี 1907 เพื่อการควบคุมปริมาณเงิน พวกเขาหวังว่าจะใช้วิกฤตในปี 2008 และความตื่นตระหนกที่ตามมาซึ่งพวกเขาสร้างขึ้นเอง เพื่อการควบคุมทางการเมืองของพวกเขา

หากเข้าใจเรื่องนี้อย่างแท้จริง ข้อสรุปก็คือระบบของ FED ต้องถูกทิ้งลงถังขยะแห่งประวัติศาสตร์ หลังจากหนึ่งศตวรรษของการเป็นทาส ถึงเวลาแล้วที่ผู้คนจะต้องสลัดห่วงโซ่หนี้ของนายธนาคารออกไป

แอนดรูว์ เกวิน มาร์แชล ผู้ทำวิจัยเรื่อง FED กล่าวว่า:

"ผมคิดว่าโลกที่มีประชากรเจ็ดพันล้านคนน่าจะคิดหาสิ่งที่ดีกว่าระบบที่คนไม่กี่พันคนได้รับประโยชน์มากมายจากคนอื่นๆ ในโลกนี้ และทำให้มนุษยชาติสูญเสียศักยภาพในอนาคต พวกเขากำลังใช้ประโยชน์จากอนาคตของเรา และตราบใดที่เรายอมรับวิธีการนี้ ตราบใดที่เรายอมรับว่าสถาบันเหล่านี้มีอำนาจเหนือเรา นั่นคือทิศทางที่เราจะไป

ผมคิดว่าเราต้องพยายามหยุดยั้งและผลักดันกลับโครงสร้างอำนาจที่กำลังขยายตัวและกำลังพัฒนานี้ การเปลี่ยนแปลงอย่างถอนรากถอนโคนคือสิ่งที่จำเป็นจริงๆ และต้องสร้างจากล่างขึ้นบน ผมคิดว่ากระบวนการทั้งสองนี้ต้องทำควบคู่กันไป"

ตอนนี้คุณได้รับข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาและความจริงเกี่ยวกับ FED มากกว่า 99% ของประชากรทั่วโลก หากคุณเพียงแค่พยายามให้คนรอบข้างได้รับความรู้จากข้อมูลนี้ มันจะส่งผลได้อย่างมากหากผู้คนจำนวนมากตระหนักและตื่นตัวเรื่องปัญหาของ FED และความจริงเรื่องเงินมากกว่าที่เคยเป็นมา

การเคลื่อนไหวนี้กำลังแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของโลกเพราะความเชื่อมโยงกันของเศรษฐกิจโลก การเคลื่อนไหวเพื่อยกเลิกธนาคารกลางสหรัฐได้เกิดขึ้นในยุโรป เป็นการประท้วงต่อต้านที่เกิดขึ้นในกว่า 100 เมืองและดึงดูดผู้คน 20,000 คน ในแต่ละสัปดาห์

ผู้ประท้วง: ผมเริ่มการเคลื่อนไหวนี้เพราะตระหนักว่า Federal Reserve Act เป็นหนึ่งในกฎหมายที่เลวร้ายที่สุดในโลก และนั่นคือปัญหา

นักข่าว: มันเป็นปัญหาใหญ่มาก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ทำไมมันถึงเป็นปัญหาระดับโลก และทำไมผู้คนถึงทำมันที่นี่ในเยอรมนี?

ผู้ประท้วง: เพราะเมื่อคุณตระหนักว่าระบบการเงินนี้เป็นระบบสากล คุณต้องไปที่จุดเริ่มต้นของระบบจริงๆ รวมถึงธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ นี่คือจุดเริ่มต้นของระบบทุนนิยมที่ทำให้ผู้คนต้องทุกข์ทรมาน และวิธีเดียวที่จะหยุดความเลวร้ายได้ก็คือทำลายกฎนี้"

Loading comments...